top of page

หอการค้าหนุนพาณิชย์เดินหน้าเจรจา FTA “ไทย-อียู”

หอการค้าสนับสนุนกระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าเจรจา FTA “ไทย-อียู” มั่นใจช่วยสร้างโอกาสการค้า การลงทุน ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป


วันที่ 25 มกราคม 2566 นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางเยือนกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เพื่อรื้อฟื้นการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ว่าสภาหอการค้าฯ เห็นว่าการเจรจาดังกล่าวมีความสำคัญมากหากประสบความสำเร็จจะทำให้เกิดประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย ดังนี้



1.หลังจากที่ประเทศไทยถูกตัดสิทธิ GSP ตั้งแต่ปี 2558 ทำให้การค้า การลงทุนของไทยในอียูเติบโตไม่มากนัก เนื่องจากสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ซึ่งหากการเจรจาครั้งนี้บรรลุข้อตกลง และประสบความสำเร็จ จะทำให้การค้าการลงทุนของทั้ง 2 ประเทศขยายตัวอย่างมาก


2.สินค้าส่งออกของไทยมีโอกาสขยายตลาดการส่งออกไปยังตลาดอียูมากขึ้น อาทิ สินค้าเกษตรและอาหารซึ่งเป็นธุรกิจหลักของไทย หรือ “ครัวของโลก” ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องนุ่มห่มและสิ่งทอ เคมีภัณฑ์ พลาสติก


3.นักลงทุนไทยมีโอกาสเข้าไปลงทุนในอียูมากขึ้น อาทิ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ค้าปลีก เกษตรและอาหาร ในขณะเดียวกัน สามารถดึงดูดนักลงทุนอียูเข้ามาลงทุนในไทยได้มากขึ้น อาทิ การขนส่งทางทะเล การเงินการประกันภัย ธุรกิจพลังงานสะอาด การศึกษา และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์


4.ในด้าน GDP ของไทย หากการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู ประสบความสำเร็จ คาดว่าจะขยายตัวในระยะยาว 1.28% คิดเป็นมูลค่า 2.05 แสนล้านบาทต่อปี การส่งออกของไทยไปอียู เพิ่มขึ้น 2.83% หรือ 2.16 แสนล้านบาทต่อปี และการนำเข้าจากอียูเพิ่มขึ้น 2.81% หรือ 2.09 แสนล้านบาทต่อปี


นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ ประธานคณะกรรมการเจรจาความตกลงการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในกรณีการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู อาจจะมีบางหน่วยงาน ที่มีข้อกังวล ในประเด็นต่าง ๆ อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา มาตรการคุ้มครองพันธุ์พืช UPOV1991 มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและแรงงาน แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยงานเหล่านี้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมและเสนอข้อคิดเห็นตั้งแต่ก่อนการเจรจาและในระหว่างการเจรจาได้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ


อย่างไรก็ตาม สภาหอการค้าฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้การเจรจาประสบความสำเร็จ ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดในสหภาพยุโรป ส่งเสริมเทคโนโลยีและ know-how ต่าง ๆ ทำให้การค้าและการลงทุนของทั้ง 2 ฝ่ายขยายตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเปิดให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทย จึงขอเชิญชวนอียูเข้ามาลงทุนด้วยเช่นกัน



ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

ดู 7 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page
Free Counter