ข่าวสารธุรกิจ

7 อุตสาหกรรมไทยเผชิญผลกระทบหนักจากภาษีทรัมป์ เสียหายกว่า 8-9 แสนล้านบาท

วันที่ 8 เมษายน 2025 - สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาษีตอบโต้ที่สหรัฐอเมริกาใช้ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Reciprocal Tariffs) จะส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรมสำคัญในประเทศไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรม ยานยนต์ อาหาร พลาสติก และเคมีภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าความเสียหายรวมถึง 8-9 แสนล้านบาท

ภาษีทรัมป์ทำสินค้าไทยเสียเปรียบ

การปรับขึ้นภาษีส่งผลให้สินค้าจากประเทศไทยเสียเปรียบในตลาดสหรัฐ เมื่อเทียบกับคู่แข่งจากประเทศอื่น ๆ เช่น จีน เวียดนาม และเม็กซิโก ซึ่งมีอัตราภาษีต่ำกว่า ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยลดลงอย่างมาก และหลายบริษัทเริ่มพิจารณาการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นที่มีเงื่อนไขทางภาษีที่ดีกว่า

กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนัก

จากการเปลี่ยนแปลงภาษี ส.อ.ท. ระบุว่า 7 อุตสาหกรรมหลักที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่:

  1. อุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วน: ถูกเก็บภาษี 25% ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 การเปลี่ยนแปลงนี้อาจกระทบต่อการตัดสินใจของบริษัทแม่ในการย้ายฐานการผลิต โดยเฉพาะตลาดรถมอเตอร์ไซค์ที่ส่งออกไปสหรัฐ ซึ่งไทยมีการส่งออกสูงกว่ารถยนต์

  2. อุตสาหกรรมอาหาร: อาหารแปรรูปและสินค้าประมง เช่น ปลาทูน่า และกุ้งแปรรูป ซึ่งเดิมมีอัตราภาษี 0% แต่ถูกปรับเพิ่มเป็น 36% ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขัน

  3. อุตสาหกรรมพลาสติก: มีมูลค่าธุรกิจสูงถึง 5-6 พันล้านดอลลาร์ แต่การปรับภาษีอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและสูญเสียส่วนแบ่งตลาด

  4. อุตสาหกรรมเคมี: สินค้ากลุ่มนี้มีมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐ 2 พันล้านดอลลาร์ หากมาตรการภาษีของสหรัฐยังคงดำเนินต่อไป อาจส่งผลให้การส่งออกลดลง

  5. อุตสาหกรรมเครื่องจักรและอุปกรณ์อุตสาหกรรม: มูลค่าการค้าลดลงจาก 4.5 พันล้านดอลลาร์เหลือ 1.7 พันล้านดอลลาร์

  6. อุตสาหกรรมสิ่งทอ: การปรับเพิ่มภาษีอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและการส่งออกชะลอตัวลง

  7. อุตสาหกรรมเหล็ก และกลุ่มอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม: ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากอัตราภาษี 25% ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งอาจส่งผลให้คำสั่งซื้อลดลง

มาตรการรับมือและข้อเสนอจากส.อ.ท.

ส.อ.ท. ได้เสนอแนวทางรับมือกับผลกระทบจากการขึ้นภาษีดังกล่าว โดยหนึ่งในมาตรการที่สำคัญคือการเจรจากับสหรัฐเพื่อสร้างสมดุลทางการค้า ทั้งการนำเข้าและส่งออก ส.อ.ท. แนะนำให้รัฐบาลไทยนำเข้าผลิตภัณฑ์เกษตรจากสหรัฐ เช่น ข้าวโพด และปลาทูน่า เพื่อนำไปแปรรูปและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

นอกจากนี้ยังมีการเสนอการปรับแก้กฎหมายและภาษีนำเข้าไทย เพื่อสนับสนุนการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ โดยประเทศไทยพร้อมที่จะนำเข้าสินค้าหลายรายการ เช่น ข้าวโพดและปลาทูน่า เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต

ภาครัฐต้องเร่งแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งภาครัฐต้องเร่งดำเนินการให้ตรงกับข้อกำหนดของสหรัฐ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณามาตรการป้องกันการนำเข้าสินค้าที่จะทำให้ทุ่มตลาดในประเทศเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

โอกาสจากอุตสาหกรรมรองเท้า

ในขณะที่อุตสาหกรรมหลักได้รับผลกระทบอย่างหนัก อุตสาหกรรมรองเท้าไทยอาจได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นภาษี เนื่องจากประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามและกัมพูชาได้รับการเก็บภาษีที่สูงกว่า ทำให้สินค้าของไทยสามารถแข่งขันในตลาดสหรัฐได้ดีขึ้น

แนวทางการเจรจากับสหรัฐและการเตรียมการของภาคธุรกิจ

ส.อ.ท. ได้ร่วมมือกับภาครัฐในการเตรียมรับมือนโยบายการขึ้นภาษีจากสหรัฐ ซึ่งในระยะสั้น มีการเปิดโอกาสในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐและสินค้าหนัก เช่น อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบินรบ และโดรน เพื่อช่วยให้การเจรจาสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

บทสรุป

จากการขึ้นภาษีของสหรัฐที่สูงถึง 36% ประเทศไทยอาจประสบความเสียหายจากภาษีที่เกิดขึ้นอย่างหนักในหลายภาคธุรกิจ โดยส.อ.ท. ได้เตรียมการรับมืออย่างเร่งด่วน รวมถึงมาตรการเจรจาผลิตภัณฑ์เกษตรกับสหรัฐ และการปรับกฎหมายภาษีนำเข้าให้มีความเหมาะสม เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของการส่งออก และต่อสู้กับความท้าทายในตลาดโลก


อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร ภาษีทรัมป์ พลาสติก เคมีภัณฑ์ การเจรจากับสหรัฐ ภาษีตอบโต้ อุตสาหกรรมไทย ส.อ.ท. การส่งออก ข้าวโพด ปลาทูน่า