KEY POINTS
- ผู้ว่าการ ธปท. เปิดวงหารือกับภาคเอกชน หอการค้าไทย และ ส.อ.ท. หาแนวทางลดผลกระทบ “บาทแข็ง” ต่อความสามารถแข่งขัน
- เอกชนเสนอ ธปท. ดูแลค่าเงินตามกลไกตลาด คุมเก็งกำไร และเร่งให้ SME เข้าถึงเครื่องมือ FX Hedging ได้ง่ายขึ้น
- ส.อ.ท. ชี้บาทแข็งกดส่งออก คาด GDP ไตรมาส 4 โตเพียง 0.3% พร้อมสะท้อนมุมมอง IMF ว่าไทยโตต่ำกว่าอาเซียน
ธปท.–เอกชน ถกหาทางออก “บาทแข็ง” กระทบส่งออก
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท. ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 1 ตุลาคม 2568 เปิดการหารือกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้พบปะกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและแนวนโยบายในระยะข้างหน้า
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ได้หยิบยกประเด็นสำคัญที่ภาคธุรกิจเผชิญ ได้แก่ ผลกระทบจากนโยบายนำเข้าของสหรัฐฯ สถานการณ์เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการ SME
ภาคเอกชนหยิบยกประเด็นผลกระทบจากนโยบายนำเข้าของสหรัฐฯ สถานการณ์เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการ SME
หอการค้าแนะ ธปท. คุมบาทตามกลไกตลาด–กันเก็งกำไร
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทย ระบุว่า ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นต่อเนื่องสร้างความกังวลให้ผู้ส่งออก จึงเสนอให้ ธปท. ดูแลค่าเงินให้เคลื่อนไหวตามกลไกที่เหมาะสมและป้องกันการเก็งกำไร รวมถึงกระแสเงินจากคริปโตและการซื้อขายทองคำที่อาจทำให้ข้อมูลสับสนกับตัวเลขการส่งออกจริง
เอกชนยังเสนอให้รัฐช่วยเปิดตลาดใหม่ทดแทนสหรัฐฯ ที่เผชิญมาตรการภาษีตอบโต้ของรัฐบาลทรัมป์ พร้อมเร่งแก้ปัญหาการชำระเงินกับประเทศที่ไม่มีระบบโอนเงินสากล (SWIFT) และให้ ธปท. ช่วยวางกลไกรองรับความเสี่ยงทางการเงิน
ส.อ.ท. เสนอเร่งเครื่องมือ FX Hedging – ประคองดอกเบี้ย
ส.อ.ท. จะเข้าพบผู้ว่า ธปท. วันที่ 21 ต.ค. เสนอสนับสนุนเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (ลดค่าธรรมเนียม/อบรม SME) และพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยเพื่อหนุนการลงทุนและลดแรงจูงใจเงินทุนไหลเข้าที่ไม่เกิดประสิทธิผล
เศรษฐกิจไตรมาส 4 เสี่ยง “รถติดหล่ม” – คาดโตเพียง 0.3%
ส.อ.ท. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 ยังเปราะบางจากโครงสร้างที่ไม่ยืดหยุ่น ทั้งสังคมสูงวัย การคอร์รัปชัน กฎหมายล้าหลัง และงบประมาณไม่สมดุล คาด GDP ทั้งปี 2568 โตราว 2% และหากมีมาตรการกระตุ้น เช่น คนละครึ่ง การลงทุนภาครัฐ และช่วยหนี้ SME อาจอยู่ในกรอบ 1.8–2.2%
IMF ห่วงไทยโตต่ำอาเซียน – โครงสร้างเศรษฐกิจอ่อนแรง
IMF ประเมิน GDP ไทยปี 2569 โตเพียง 1.7% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังและประเทศเพื่อนบ้าน สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ สังคมสูงวัย กฎหมายล้าสมัย อุตสาหกรรมเดิม และการศึกษาที่ไม่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ขณะเดียวกันความเสี่ยงภัยธรรมชาติ ภัยแล้ง และราคาสินค้าเกษตรผันผวนยังบั่นทอนกำลังซื้อ
FDI ยังโตแรง – เร่งเชื่อมสู่วงจรซัพพลายเชนโลก
แม้เศรษฐกิจในประเทศซบเซา แต่ FDI ยังขยายตัวสูง โดย BOI ระบุครึ่งปีแรก 2568 มูลค่าคำขอส่งเสริมการลงทุนพุ่งกว่า 132% YoY รวม 737,572 ล้านบาท เน้น 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) เช่น ดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ไฟฟ้า ไบโอเทค และแปรรูปอาหาร
6 ข้อเสนอเอกชนถึงรัฐบาล: พลิกโครงสร้างเศรษฐกิจไทย
- ขยายความช่วยเหลือครอบคลุมกลุ่มเปราะบาง
- จับคู่มาตรการเสริมศักยภาพ SME: เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ + อบรมดิจิทัล
- ส่งเสริมระบบ e-Payment ให้เข้าถึงทั่วถึง
- ควบคุมราคาสินค้าไม่ให้ปรับสูงเกินจริง
- เดินหน้านโยบายต่อเนื่อง: บัตรสวัสดิการ–ช้อปช่วยชาติ
- ปรับโครงสร้างภาษี ลดต้นทุนธุรกิจ ให้ SME อยู่รอดในภาวะชะลอ
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ระบุ ทุกพรรคการเมืองควรยึดข้อเสนอภาคเอกชน สร้างนโยบายที่ตอบโจทย์จริง ไม่เพิ่มภาระการคลัง พร้อมเตือนให้ทบทวนร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่อย่างรอบคอบ เพราะอาจกระทบค่าจ้างและต้นทุนอุตสาหกรรม