ข่าวสารธุรกิจ

ธปท-ชี้ช่องนโยบายการเงินจำกัด-ห่วงการลงทุนชะลอ-กระทบศักยภาพเศรษฐกิจ

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังเผชิญแรงกดดันจากภายนอกประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก พร้อมย้ำว่าพื้นที่การใช้นโยบายการเงิน หรือ Policy Space ในขณะนี้มีจำกัด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำที่ 1.75%

ในการจัดงาน Monetary Policy Forum ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองกับนักวิเคราะห์ นายปิติ ดิษยทัต รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. ระบุว่า ด้วยระดับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ผลกระทบเชิงกระตุ้นจากการลดดอกเบี้ยจึงลดน้อยลง การดำเนินนโยบายการเงินจึงต้องคำนึงถึงความจำเป็นและเผื่อเครื่องมือไว้สำหรับรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดในอนาคต

ในภาวะที่ความไม่แน่นอนยังคงสูง การลดดอกเบี้ยอาจไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เท่าที่เคย การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจจึงเป็นภารกิจสำคัญมากกว่าการผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตในระยะสั้น

ลงทุนต่ำฉุดศักยภาพเศรษฐกิจ

ธปท.แสดงความกังวลต่อการลงทุนภาคเอกชนที่ยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ส่งผลต่อศักยภาพการเติบโตในระยะยาว แม้สถานการณ์ในหลายประเทศจะคล้ายกัน แต่การลงทุนที่ชะลอตัวในช่วงความไม่แน่นอนนี้ อาจกระทบความสามารถในการปรับตัวต่อซัพพลายเชนและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็ว

ปัญหาหลักคือความเสี่ยง ไม่ใช่สภาพคล่อง

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน และเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ ธปท. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมแล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาเพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจ แต่ปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อในปัจจุบันไม่ได้มาจากเรื่องของอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น หากแต่เป็นเรื่องของความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) ที่เพิ่มขึ้น

ดังนั้น การลดดอกเบี้ยอาจช่วยได้เพียงบางส่วน ภาครัฐควรมีบทบาทช่วยลดความเสี่ยงผ่านมาตรการค้ำประกัน หรือสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อโดยไม่สร้างความเสี่ยงต่อระบบการเงิน

เขาเน้นย้ำว่า เครื่องมือของ ธปท. เป็นนโยบายในระดับมหภาค จึงไม่สามารถเจาะจงดูแลเฉพาะภาคเศรษฐกิจบางกลุ่มได้โดยตรง โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เช่น ภาคการผลิต การนำเข้า และการส่งออก ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน

ยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่จีดีพีมีแนวโน้มโตลดลง

แม้สงครามการค้าระหว่างประเทศจะเป็นปัจจัยลบสำคัญ แต่ นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย ข้อมูลไตรมาสแรกยังไม่น่าห่วง แต่ในไตรมาสต่อไปอาจเห็นการเติบโตของ GDP ชะลอลงจากปีก่อนหน้า

ในด้านบวก การผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และการลดภาษีชั่วคราว อาจส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยฟื้นตัวได้ในบางช่วง โดยเฉพาะหากความต้องการของโลกฟื้นตัวตาม

เงินเฟ้อต่ำยังอยู่ในกรอบ ไม่เปลี่ยนเป้าหมาย

นายสุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวย้ำว่า แม้เงินเฟ้อในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% และไม่มีแผนปรับลดเป้าหมายลงตามตัวเลขระยะสั้น เพราะอาจกระทบความน่าเชื่อถือของนโยบายการเงินแบบ Inflation Targeting

เขาระบุว่า แรงกดดันเงินเฟ้อในปัจจุบันเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราว เช่น ราคาพลังงานและโภคภัณฑ์โลก ไม่ใช่สัญญาณเชิงโครงสร้าง และยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้โดยไม่ต้องใช้นโยบายรุนแรง

ไม่สนับสนุน G Token เป็นสื่อกลางชำระเงิน

ในตอนท้าย นายสักกะภพ กล่าวถึงการออก G Token ซึ่งเป็นเครื่องมือให้ประชาชนสามารถลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลว่า ธปท.เห็นว่าเหมาะสมสำหรับการออมและระดมทุน แต่ไม่สนับสนุนให้ใช้เป็นสื่อกลางในการชำระเงิน เพราะขัดกับแนวทางของระบบการเงินที่ ธปท.ดูแลมาโดยตลอด

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย นโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย การลงทุน เศรษฐกิจไทย เงินเฟ้อ  เศรษฐกิจโลก สงครามการค้า GDP GToken