WEEKY BRIEFING WORLD ECONOMIC UPDATE
ไทย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดให้บริการ “ระบบบริการข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หน่วยงานภาครัฐ เฟส 2” ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. 2568 เพื่ออำนวยความสะดวกให้หน่วยงานภาครัฐเข้าถึงข้อมูลธุรกิจตามความต้องการ เช่น หนังสือรับรอง การเปลี่ยนแปลงกรรมการ การเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน งบการเงิน และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% ต่อปี เหลือ 1.50% ต่อปี เพื่อบรรเทาภาระภาคธุรกิจและครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง โดยเศรษฐกิจไทยปี 2568-2569 ยังขยายตัวใกล้เคียงประมาณการเดิม และเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ครึ่งหลังปี 2568 เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวจากผลกระทบมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และการแข่งขันท่องเที่ยวในภูมิภาคที่รุนแรงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อรายได้ SMEs แรงงาน และผู้ประกอบอาชีพอิสระโดยตรง
สหรัฐ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งขยายเวลาเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนออกไปอีก 90 วัน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 12 ส.ค. 2568 เป็นวันที่ 10 พ.ย. 2568 โดยคงอัตราภาษีไว้ที่ 30% สำหรับสินค้าจีน และ 10% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการปรับขึ้นภาษีสู่ระดับเลขสามหลัก ซึ่งอาจสูงถึง 145% สำหรับสินค้าจีน และ 125% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ จนอาจก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่และกระทบเศรษฐกิจโลก
การขยายเวลาเก็บภาษีครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายมีเวลาหารือข้อตกลงการค้าเพิ่มเติม โดยสหรัฐฯ ต้องการให้จีนเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะถั่วเหลือง อีกทั้งอาจมีการพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย ซึ่งสหรัฐฯ ต้องการให้จีนหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพื่อกดดันให้รัสเซียยุติสงครามยูเครน
ราคาทองคำ
ราคาทองคำลดลง ราคาทองคำโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 3,348.69 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.0% ในขณะที่ราคาทองคำแท่งของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 51,340 บาท ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.5%
อัตราการแลกเปลี่ยน
เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าต่อเนื่องจากความคาดหวังของตลาดต่อแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด (Fed) เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก สัญญาณความอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อกรรมการเฟดคนใหม่ และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของภาษีนำเข้าที่อาจทำให้เฟดต้องเร่งลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม เงินบาทอาจกลับมาอ่อนค่าหากตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะหากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด หรือราคาทองคำเผชิญแรงกดดันจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ GDP ไตรมาส 2/68 ของไทย ถ้อยแถลงของประธานเฟดในการประชุม Jackson Hole ทิศทางเงินทุนจากต่างชาติและราคาทองคำในตลาดโลก ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย (ส.ค. 68) การเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสอง (ก.ค. 68) บันทึกการประชุมเฟดวันที่ 29-30 ก.ค. 68 รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. 68 และดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนส.ค. 68 ของอังกฤษและยูโรโซน
ราคาน้ำมันดิบ เฉลี่ย WTI 63.31 USD/BBL | Brent 66.21 USD/BBL
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ข้อมูลจาก สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า TPSO