ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “วิกฤตเศรษฐกิจกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 และ เฟส 4” ระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2568 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,310 คน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ครอบคลุมทุกภูมิภาค ระดับอาชีพ รายได้ และการศึกษา
ผลสำรวจพบว่า ประชาชนถึงร้อยละ 83.66 มองว่าไทยกำลังเผชิญกับ วิกฤตเศรษฐกิจในระดับที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ขณะที่ร้อยละ 9.70 ระบุว่าอยู่ในระดับที่ต้องแก้ไขแต่ยังไม่เร่ง ร้อยละ 4.20 เห็นว่าไม่น่าวิตก และเพียงร้อยละ 2.44 เท่านั้นที่ไม่มองว่าเป็นวิกฤต
เมื่อเจาะลึกถึงสถานการณ์ส่วนบุคคล ร้อยละ 47.17 ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่าตนเองกำลังเดือดร้อนและต้องการ ความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วน ขณะที่อีกร้อยละ 29.47 ระบุว่าสามารถรับมือได้ด้วยตนเอง
ต่อประเด็นนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาทของรัฐบาล พบว่า
เฟส 3 (กลุ่มอายุ 16–20 ปี)
ร้อยละ 57.25 ต้องการให้ เดินหน้านโยบายต่อในปีนี้
ร้อยละ 33.90 เห็นว่าควร ยุตินโยบาย
ที่เหลืออยากให้ เลื่อนไปปี 2569–2570
เฟส 4 (กลุ่มอายุ 21–59 ปี)
ร้อยละ 62.98 สนับสนุนให้ ดำเนินต่อในปีนี้
ร้อยละ 26.95 ต้องการให้ หยุด
อีกส่วนหนึ่งต้องการให้ เลื่อนไปปีถัดไป
สุดท้าย เมื่อสอบถามถึงความรู้สึกของประชาชน หากนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ตัดสินใจ ยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลต
ร้อยละ 54.12 ระบุว่า ไม่โกรธเลย
ขณะที่ ร้อยละ 17.41 ค่อนข้างโกรธ
ร้อยละ 15.27 ระบุว่าโกรธมาก
ร้อยละ 13.05 ไม่ค่อยโกรธ
และมีเพียง ร้อยละ 0.15 ที่ไม่แสดงความเห็น
แม้เศรษฐกิจจะยังน่าวิตก และประชาชนต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ แต่ท่ามกลางเสียงแตกของสังคม นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทยังคงได้รับการ สนับสนุนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประชาชนจำนวนมากกำลังเผชิญความยากลำบากทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
ข้อมูลจาก www.nidapoll.nida.ac.th