นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่า รัฐบาลเตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเร็วๆ นี้ เพื่อพิจารณาทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยเฉพาะ “โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ที่กำลังเป็นที่จับตามองของสังคม หลังจากได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก อาทิ มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้นโยบาย "ภาษีทรัมป์" ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าโลกอย่างมีนัยสำคัญ
“ขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดเจรจากับสหรัฐฯ ได้ข้อยุติที่ชัดเจน ทำให้การค้าระหว่างประเทศหยุดชะงักลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเราต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ทั้งหมด” นายพิชัยกล่าว
อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากหน่วยงานระหว่างประเทศ อาทิ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ "มูดี้ส์" ที่ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงด้านฐานะการคลังของไทยในระยะยาว ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอให้พิจารณาการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นการลงทุนเพื่อรองรับภาคการส่งออกและสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจในระยะยาว
นายพิชัยเปิดเผยว่า ได้แจ้งคณะกรรมการนโยบายฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดทำ “การบ้านเชิงลึก” เกี่ยวกับแนวทางการปรับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยต้องมีการประเมินว่า ควรเดินหน้าหรือปรับลดทอนโครงการเงินดิจิทัลอย่างไร และควรเน้นการใช้จ่ายภาครัฐในด้านใดบ้าง เพื่อให้ตอบโจทย์เศรษฐกิจภาพรวมที่กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน
เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน-พลังงานหมุนเวียน-เกษตร-ท่องเที่ยว
แผนใหม่ที่กำลังพิจารณา อาจหันเหจากการกระจายเงินสดเข้าสู่การลงทุนภาครัฐในโครงการที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว เช่น
การสร้าง โรงไฟฟ้าไบโอก๊าซ จากหญ้าเนเปียร์ ข้าวโพด หรือเศษวัสดุเกษตร เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานที่สูงขึ้นในธุรกิจ Data Center และภาคอุตสาหกรรม
การบริหารจัดการน้ำ เพื่อภาคการเกษตร น้ำอุปโภคบริโภค และน้ำในโรงงานอุตสาหกรรม โดยจะมีการเร่งรัดลงทุนในระบบจัดเก็บและกระจายน้ำให้ทั่วถึง
การฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ หลังสัญญาณนักท่องเที่ยวเริ่มลดลงในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
โครงการจ้างงานเชิงคุณค่า ในภาคการผลิตและบริการ เพื่อเสริมกำลังซื้อในประเทศอย่างยั่งยืน และลดภาระค่าใช้จ่ายสวัสดิการสังคม
นายพิชัยระบุว่า “เป้าหมายของการปรับแผนรอบนี้คือการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีเหตุผลและยั่งยืน ไม่ใช่แค่การใช้เงินเพื่อหวังผลระยะสั้น แต่ต้องตอบสนองต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่กำลังเปลี่ยนไป และรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากโลกภายนอก”
ทั้งนี้ คาดว่าแผนปรับโครงสร้างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะถูกนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในเดือนพฤษภาคม
ข่าวการเมือง ,ข่าวเศรษฐกิจ ,ภาษีทรัมป์ ,เงินหมื่อนดิจิทัล