สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงทางการค้าใหม่ในเวที APEC 2025 โดยสหรัฐฯ ยอมลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเฉลี่ยเหลือ 47% จากเดิม 57% เพื่อแลกกับการที่จีนผ่อนคลายการควบคุมการส่งออก “แร่หายาก” (Rare Earths) และเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะถั่วเหลือง อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนไทยเตือนว่า ข้อตกลงดังกล่าวอาจส่งผลให้แรงจูงใจในการลงทุนของจีนในไทยลดลง และกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 2569
ข้อตกลง “ทรัมป์–สี” จุดเปลี่ยนสงครามการค้า
การเจรจาระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่เมืองปูซาน (Busan) ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก (27 ต.ค.–1 พ.ย. 2568) ได้ข้อสรุปสำคัญคือ สหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้าจากจีนเฉลี่ย 10 จุดเปอร์เซ็นต์ เหลือ 47% โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ สารตั้งต้นของยาเฟนทานิล (Fentanyl Precursor Chemicals) จะลดจาก 20% เหลือ 10% ขณะที่จีนตกลงจะผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออกโลหะจากแร่หายากเป็นเวลา 1 ปี และเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ห่วงจีนชะลอลงทุนในไทย หลัง “สิทธิ์เลี่ยงภาษี” ลดความสำคัญ
นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ให้ความเห็นว่า การลดภาษีของสหรัฐฯ แม้เป็นเพียง 10% แต่มีนัยสำคัญทางจิตวิทยา เพราะจะทำให้จีนกลับมาส่งออกโดยตรงไปสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้การลงทุนของจีนในไทยชะลอตัว หลังแรงจูงใจในการใช้ไทยเป็นฐาน “เลี่ยงภาษีสหรัฐฯ” ลดลง
“หากจีน–สหรัฐฯ ตกลงภาษีได้ดีจริง จีนก็อาจกลับไปส่งออกโดยตรงได้เหมือนเดิม แต่ถ้าอัตราภาษียังต่างมาก จีนก็ยังต้องใช้เส้นทางผ่านอาเซียน โดยเฉพาะไทย”
จีนยังคงติดท็อป 3 นักลงทุนใหญ่ในไทย
ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) รวมอยู่ที่ 985,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% จากปีก่อนหน้า โดยจีนยังคงอยู่ในอันดับ 3 นักลงทุนรายใหญ่ของไทย มูลค่าการขอรับการส่งเสริม 142,887 ล้านบาท รองจากสิงคโปร์และฮ่องกง
อุตสาหกรรมที่จีนลงทุนมากที่สุด ได้แก่
- เครื่องจักรและยานยนต์
- เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- โลหะและวัสดุ
- อาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ
- การแพทย์และสุขภาพ
แม้การลงทุนจะเติบโตต่อเนื่อง แต่ สรท. เตือนว่า หากสหรัฐฯ ผ่อนคลายภาษีต่อจีนอย่างถาวร ความจำเป็นของจีนในการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตอาจลดลงในอนาคต
ห่วง “สินค้าสวมสิทธิ์” ฉุดภาพรวมส่งออกปี 2569
สรท. คาดว่า การส่งออกของไทยปี 2568 จะขยายตัวได้ราว 10% แต่เป็นการเติบโตที่ “ไม่เต็มศักยภาพ” เนื่องจากมีสินค้าจากต่างประเทศมาสวมสิทธิ์ (Transshipment) ส่งออกผ่านไทยจำนวนมาก โดยสหรัฐฯ อาจใช้มาตรการตรวจสอบ “ถิ่นกำเนิดสินค้า” (Local Content) เข้มงวดขึ้น เพื่อตัดสิทธิ์สินค้าที่ไม่ได้ผลิตจริงในไทย
“หากหน่วยงานอาเซียนไม่เข้มแข็งในการควบคุมสินค้าสวมสิทธิ์ ตัวเลขส่งออกอาจดูดีในระยะสั้น แต่ไม่เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจจริง ผลิตภาพ (Productivity) จะยังต่ำ และไทยจะเสียความน่าเชื่อถือในระยะยาว”
สรุปภาพรวม
- สหรัฐฯ ลดภาษีสินค้าจากจีนเฉลี่ยเหลือ 47%
- จีนผ่อนคลายการส่งออกแร่หายาก และเพิ่มนำเข้าสินค้าเกษตร
- ไทยเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการชะลอลงทุนของจีน
- ปัญหาสินค้าสวมสิทธิ์อาจทำให้สหรัฐฯ เข้มงวดด้านกฎถิ่นกำเนิดสินค้า
- ส่งออกปี 2569 อาจชะลอจากฐานสูงและแรงกดดันด้านการค้า
ที่มา: สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)
สัมภาษณ์: นายธนากร เกษตรสุวรรณ
อ้างอิงข้อมูล: ฐานเศรษฐกิจ, BOI
