เศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดว่าจะมีการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ โดยมีแนวโน้มขยายตัวประมาณ 2.3% - 3.3% โดยค่ากลางของการประมาณการอยู่ที่ 2.8% ซึ่งถือว่าเป็นการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องจากปี 2567 ที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 2.6% แม้ว่ามีสัญญาณบวกจากหลายปัจจัยสนับสนุน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงและข้อจำกัดหลายด้านที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ หรือไม่เป็นไปตามคาดการณ์
การใช้จ่ายภาครัฐและงบประมาณการลงทุน
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปี 2568 คือการเพิ่มขึ้นของงบประมาณรายจ่าย โดยการเพิ่มวงเงินงบประมาณปี 2568 ขึ้น 7.8% จากปีก่อน โดยมีกรอบงบประมาณรวม 3.75 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมการลงทุนและการใช้จ่ายภาครัฐมากขึ้น ส่งผลให้เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นและช่วยกระตุ้นการเติบโตในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน
การขยายตัวของอุปสงค์ภาคเอกชน
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาคเอกชนก็เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าในปี 2568 การลงทุนภาคเอกชนจะเริ่มขยายตัวหลังจากที่มีการปรับตัวลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการขยายตัวในภาคการเกษตรและแปรรูปอาหารได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนจากต่างประเทศและการขยายตัวของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขึ้นของการขอรับการอนุมัติการลงทุนใหม่ ๆ ในหลายอุตสาหกรรมที่สำคัญ
การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
หลังจากที่เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภาคการท่องเที่ยวของไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาใกล้เคียงกับระดับก่อนการแพร่ระบาดมากขึ้น นอกจากนี้การดำเนินมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ ทำให้ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงภาคบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น การขนส่งที่พัก และร้านอาหารจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคนี้
การขยายตัวของการส่งออกสินค้า
การส่งออกของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของเศรษฐกิจไทย สัญญาณบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตจะส่งผลดีต่อการขยายตัวของการส่งออกสินค้าไทย โดยเฉพาะตลาดในอาเซียนและเอเชีย
ความเสี่ยงจากการขยายตัวต่ำกว่าที่คาดของเศรษฐกิจโลก
แม้ว่าจะมีการคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แต่เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าโลก รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
ภาระหนี้สินภาคครัวเรือนและธุรกิจ
ภาระหนี้สินของครัวเรือนและธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูงเป็นอุปสรรคสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 หนี้ครัวเรือนยังคงสูงถึง 89.6% ของ GDP ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งอาจส่งผลให้การขยายตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัว
ความผันผวนในภาคเกษตร
ความผันผวนในราคาสินค้าเกษตรยังคงเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องจับตามอง โดยเฉพาะผลผลิตที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศและการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก เช่น ราคาข้าวที่คาดว่าจะลดลงเนื่องจากผลผลิตจากผู้ส่งออกรายใหญ่เช่น อินเดียและเวียดนามกลับสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ยังต้องระวังความเสี่ยงจากภาวะภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ภัยแล้งหรืออุทกภัยที่อาจส่งผลต่อผลผลิตในภาคการเกษตร
เศรษฐกิจไทยในปี 2568 แม้ว่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายและความเสี่ยงหลายด้าน ทั้งจากเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง ภาระหนี้สินที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และความผันผวนในภาคเกษตรที่จะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตร อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ การขยายตัวของภาคเอกชน และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีการขยายตัวต่อเนื่องในปีนี้